ณ หมู่บ้านเพนกวิน ผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งแก่ลูกบ้าน ว่า งานชุมนุมประจำปี ของหมู่บ้านเราปีนี้...จะมีงานเลี้ยงฉลองให้ครึกครื้น อลังการ ยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา
ดังนั้นจึงขอให้ชาวบ้าน ช่วยนำเหล้ากันมาด้วยบ้านละขวด และหน้างาน จะมีไหใบใหญ่ตั้งอยู่ ให้ลูกบ้านแต่ละคนเทเหล้าลงไปในไหใบนั้นก่อนจะเข้างาน
เมื่องานเริ่ม เราก็จะแจกแก้ว ให้คนละใบ ตักเหล้าจากไหใบนั้นแบ่งปันกัน เพื่อแสดงพลังสามัคคีของหมู่บ้านเรา
ลูกบ้าน ต่างก็แสดงความยินดี เห็นด้วย ปรบมือกันเสียงดังสนั่น
--
มีครอบครัวหนึ่ง สามี พูดกับภรรยาว่า...
สามี : แย่ล่ะสิ ตัวเอง บ้านเราไม่มีเหล้าเลยสักขวดนึง
ภรรยา : จะไปยากอะไร เราก็แค่ออกไปซื้อเหล้ามาสักขวด
สามี : ไม่เวิร์คหรอก จะซื้อให้เสียเงินทำไม เราก็เอาน้ำใส่ขวดไปสิ พอถึงหน้างาน เราก็เทน้ำลงไปแทนเหล้านั่นแหละ เพียงแค่ขวดเดียว ไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงไปหรอก
พอถึงวันงานที่กำหนดไว้ ชาวบ้าน ต่างก็แต่งตัวกันสวยงามมาในงาน มาด้วยความยินดี ที่จะมาร่วมฉลองสนุกสนานในงานประจำปี กันครึกครื้น
และแน่นอน... แต่ละบ้านก็ไม่ลืมที่จะถือขวดเหล้ามาเทรวมกันที่หน้างานตามที่ได้ตกลงกันไว้
พอถึงคิวของ ครอบครัวนี้ ฝ่ายคุณสามีก็เทของเหลวใสในขวดเหล้าลงไป โดยไม่แสดงสีหน้าผิดปกติแต่อย่างใด แล้วเดินเข้างานแบบเนียน ๆ
พองานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น ผู้ใหญ่บ้านขึ้นกล่าวเปิดงาน และแจกแก้วแก่ลูกบ้านของตนคนละใบ เพื่อให้เดินไปตักเหล้านั้น โดยให้รอดื่มฉลองไชโยพร้อม ๆ กัน
ชาวบ้านก็เดินไปตักเรียบร้อยโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อทุกคนพร้อม หัวหน้าหมู่บ้านจึงกล่าวว่า
นี่เป็นเหล้าที่ทุก ๆ คนในหมู่บ้านมีน้ำใจร่วมกัน เชิญดื่มได้
ชาวบ้านต่างก็ยกเหล้าขึ้นดื่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มีความสุข แต่เมื่อเหล้าเข้าปากปุ๊บ ต่างคนก็ต่างทำหน้าเหยเก ด้วยว่า รสชาติของเหล้านั้น ไม่ใช่อย่างที่คุ้นเคย เพราะมันคือ...น้ำเปล่า!!
--
สรุป : ไม่ใช่เพียงครอบครัวเดียว ที่คิดแบบนั้น แต่กลับกลายเป็นว่า ทุก ๆ ครอบครัวคิดแบบเดียวกัน
นี่แหละ ที่เรียกว่าความเห็นแก่ตัว เมื่อทุก ๆ คนแสดงมันออกมาพร้อมกัน ก็จะทำให้เกิดสิ่งที่เลวร้ายที่สุดได้อย่างไม่ยากเลย
ด้วยคำพูดมักง่าย...."เพียงแค่ฉันคนเดียว ไม่เป็นไรหรอก"
--
#นิทานศีลห้า